36-40 การล้มสลายของกรุงเยรูซาเร็ม - อพยพ - กลับสู่มาตุภูมิ
36. เยเรมีย์เตือนให้ระวังการลงโทษของพระเจ้า
ประชาชนที่รักษาพันธสัญญากับพระเจ้ามีไม่มากนัก กองทัพของพวกเขาไม่อาจจะเทียบได้กับกองทัพของประเทศมหาอำนาจ เขาไม่สามารถป้องกันจากชาวอัสซีเรีย เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกยึดแผ่นดิน และไล่ต้อนคนเป็นจำนวนมากออกจากประเทศของตนเองไปยังดินแดนต่างชาติ นับว่าเป็นเคราะห์ร้ายของผู้ที่มีความเชื่อซึ่งจำต้องยอมรับการลงโทษจากพระเจ้า ทั้งๆ ที่ได้รับการเตือนล่วงหน้าจากประกาศกของพระเจ้าแล้ว
ในกรุงเยรูซาเล็ม เยเรมีย์ได้เตือนประชาชนว่า “จนถึงเวลานี้เป็นเวลายี่สิบสามปีแล้วที่พระยาห์เวห์ตรัสพระวาจาแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้เอาใจใส่พูดกับท่านทั้งหลายโดยไม่หยุดยั้ง แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมฟัง ท่านแต่ละคนจงละทิ้งความประพฤติชั่วและการกระทำผิดของคนแล้วท่านจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ประทานแก่ท่านและแก่บรรพบุรุษตั้งแต่นานมาแล้วและตลอดไป แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมฟังเรา ดังนั้นพระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ “เพราะท่านทั้งหลายไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา บัดนี้ เราจะเรียกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเราไปรวบรวมชนทุกเผ่าทางเหนือ จะนำเขาทั้งหลายมาโจมตีแผ่นดินนี้ แผ่นดินนี้ทั้งหมดจะกลายเป็นซากปรักหักพังและเป็นที่ร้าง ชนชาติเหล่านี้จะรับใช้กษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นเวลาเจ็ดสิบปี”
และทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น เนบูคัดเนสซาร์ได้ยกทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็มและต่อมาไม่นานประชาชนในเมืองก็ขาดแคลนขนมปัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงแล้วพวกบาบิโลนก็เจาะกำแพงเป็นช่องเข้าไปในเมือง เผาพระวิหาร พระราชวังของกษัตริย์และบ้านใหญ่ๆ ของประชาชน กำแพงของกรุงเยรูซาเล็มถูกพังทลายลง ภาชนะที่ใช้เป็นเครื่องสักการะในพระวิหารก็ถูกยึดเอาไปโดยชาวบาบิโลน ประชาชนที่สำคัญและช่างแกะสลักก็ถูกไล่ต้อนออกจากเมืองไปกรุงบาบิโลน นอกจากคนยากจน คนบ้านนอก และคนปลูกองุ่นเท่านั้นที่ยังได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อไปในผืนแผ่นดินที่เป็นบ้านเกิดของเขา (ยรม 25 : 52)
37. พระเจ้าต้องการให้อภัยแก่ประชากรของพระองค์
พระเจ้าทรงตรัสกับประชากรของพระองค์โดยผ่านประกาศกเอเสเคียลว่า เพราะว่าพวกเจ้าไม่มีความเชื่อในเรา เพราะว่าพวกเจ้าไม่ฟังคำของเรา แต่ยังกระทำผิดต่อพระบัญญัติของเรา เจ้าจึงต้องสูญเสียประเทศของเจ้า และบัดนี้เจ้าต้องมีชีวิตอย่างคนพลัดบ้านพลัดเมือง บัดนี้ชาวบาบิโลนกล่าวว่า คนเหล่านี้เป็นประชากรของพระยาห์เวห์ ถึงกระนั้นเขาก็ยังถูกขับไล่ออกไปจากแผ่นดินของพระองค์ เขากำลังเยาะเย้ยท่านและเยาะเย้ยเรา แต่พวกเขาจะได้เรียนรู้ว่า เราเป็นพระเจ้าของท่าน เราจะนำท่านออกมาจากนานาชาติ เราจะรวบรวมท่านมาจากทุกแผ่นดิน และนำท่านเข้ามาในแผ่นดินของท่าน เราจะทำให้ท่านเป็นคนใหม่ ผู้ที่จะรับใช้เราด้วยความซื่อสัตย์ เราจะนำใจหินออกไปจากร่างของท่านและให้ใจเนื้อแก่ท่าน เราจะใส่จิตใจของเราภายในท่าน จะทำให้ท่านดำเนินชีวิตตามข้อกำหนดของเรา ท่านจะรักษาและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเรา ท่านจะอาศัยอยู่ในแผ่นดิน ที่เราให้แก่บรรพบุรุษของท่าน ท่านจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน (อสค 36 : 20-28)
38. การกลับจากบาบิโลน
ประชาชนที่พลัดถิ่นจากยูดาห์และเยรูซาเล็มได้ตกค้างอยู่ในบาบิโลนเป็นเวลา 40 ปี ต่อมากษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เชียมีชัยยึดกรุงบาบิโลนได้ พระองค์ได้ทรงประกาศทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งสวรรค์ ได้ประทานอาณาจักรทั้งสิ้นบนแผ่นดินแก่เรา และพระองค์ทรงบัญชาเราให้สร้างพระวิหารถวายพระองค์ที่กรุงเยรูซาเล็มในแคว้นยูดาห์ ผู้ใดในหมู่ท่านทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์ ให้เขากลับขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มในแคว้นยูดาห์ และสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์
แล้วพวกเขาก็ออกเดินทาง คือ ทุกคนที่พระเจ้าทรงดลใจให้กลับขึ้นไปสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นใหม่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อนบ้านทุกคนช่วยเหลือเขาให้เงิน ทองคำ ข้าวของ สัตว์เลี้ยงและของมีค่า กษัตริย์ไซรัสทรงบัญชาให้นำเครื่องใช้ของพระวิหารแห่งพระยาห์เวห์ออกมา เครื่องใช้เหล่านี้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงยึดจากกรุงเยรูซาเล็ม นำมาเก็บไวในพระวิหารของเทพท่านของพระองค์มามอบให้ไปเก็บไว้ที่พระวิหารใหม่ (อสร 1)
39. เพลงการกลับสู่บ้านเดิม
เมื่อพระยาห์เวห์ทรงนำบรรดาเชลยกลับมาสู่ศิโยน
เราเป็นเสมือนผู้อยู่ในความฝัน
ขณะนั้น ปากของเรากำลังหัวเราะ
สิ้นของเรามีแต่เสียงโห่ร้องยินดี
ขณะนั้น นานาชาติพูดว่า
“พระยาห์เวห์ทรงกระทำการยิ่งใหญ่เพื่อเขาทั้งหลาย”
ถูกต้องแล้ว พระยาห์เวห์ทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเรา
และเรามีความยินดี
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงเปลี่ยนสภาพของข้าพเจ้าทั้งหลายให้กลับดีเช่นเดิม เหมือนธารน้ำบริเวณเนเกบ
ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา ย่อมโห่ร้องยินดีเมื่อเก็บเกี่ยว
เขาเดินพลาง ร้องไห้พลาง หอบเมล็ดพืชไปหว่าน
ยามกลับมา เขาโห่ร้องด้วยความยินดี นำฟ่อนข้ากลับมาด้วย (สดด 126)
40. ประชาชนชาวยิว
ครอบครัวจำนวนมากได้กลับมาจากการถูกเนรเทศที่บาบิโลนมีบ้านอยู่ในแผ่นดินของเผ่ายูดาห์ในเยรูซาเล็ม และรอบๆ เยรูซาเล็ม พวกเขาได้กลายเป็นกลุ่มชนหลักของชาวยิว พวกเขาเหล่านั้นต้องการจะมีชีวิตอยู่อย่างที่บิดาของเขาได้เคยอยู่มาก่อน แต่ไม่มีอะไรเป็นอย่างเก่าเหลืออีกแล้ว ชาวบาบิโลนได้นำชาวต่างประเทศมาตั้งหลักแหล่งในเยรูซาเล็มและบริเวณรอบๆ เขาเหล่านั้นได้อยู่กันตามขนบธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมเดิมของเขาและมีการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าของเขาเอง
กำแพงซึ่งใช้ป้องกันกรุงเยรูซาเล็มก็ได้พังทลายลงมา พระวิหารซึ่งซาโลมอนได้สร้างไว้ก็กลายเป็นกองเศษหินขนาดใหญ่ พวกยิวได้สร้างบ้านของพวกเขาขึ้นมาใหม่ รวมทั้งกำแพงรอบๆ กรุงเยรูซาเล็มด้วย ในปีที่สองหลังจากที่เขากลับมาสู่บ้านเกิดเมืองนอน เขาก็ได้วางศิลาฤกษ์พระวิหารหลังที่สอง
ชาวยิวได้กลับมามีชีวิตใหม่ในแผ่นดินของพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่แผ่นดินที่เขาอยู่ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ต่างประเทศ กษัตริย์ได้ส่งทหาร คนเก็บภาษี และท่านผู้ครองนครของเขามายังกรุงเยรูซาเล็ม ชาวต่างประเทศเหล่านั้นได้ใช้เวลาที่จะพยายามเปลี่ยนชาวยิวไปจากความเชื่อของอับราฮัม กษัตริย์ชาวต่างประเทศพยายามที่จะบังคับให้ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรของเขามีชีวิตและมีความเชื่อตามแนวทางของเขาและรับใช้พระเจ้าของเขา
ในระหว่างศตวรรษเหล่านี้พวกปุโรหิตในเยรูซาเล็มได้พยายามรวมตัวกันเขียนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งอันเป็นที่สักการะในศาสนาและธรรมประเพณีของพวกเขาตลอดระยะเวลาเหล่านี้ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาก็ได้ยึดติดกับกฎหมายและคำแนะนำทั้งหมด พวกเขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของพระเจ้าและพันธสัญญาของพระองค์ พวกเขารอคอยกษัตริย์ พระผู้ไถ่ ผู้ซึ่งพระเจ้าได้สัญญาจะให้แก่ประชากรของพระองค์ หลายคนถูกประหารและทรมาน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับความตาย แต่เขาก็ยังประกาศความเชื่อของเขาต่อพระเจ้าที่มีชีวิตผู้ที่ช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความตายด้วยการยอมตาย (อสร, นทม, มคบ)