พลมารี
พลมารี เป็นคาทอลิกธรรมดาๆคนหนึ่ง เขา/เธอสำนึก ตระหนักถึงการเรียกของพระ/ของแม่พระ ที่จะให้เขา/ เธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งเพื่อรับใช้ พระศาสนจักรตามกระแสเรียกของตน สมาชิกพลมารีมีทุกระดับอายุ ตั้งแต่เยาชนจนถึงอาวุโสมาก
หน้าที่ความรับผิดชอบของเขา/ เธอ ก็ครอบคลุมความเป็นฆราวาสคาทอลิกคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในกรณียกิจของพระเยซูคริสเจ้าในฐานะสงฆ์,ประกาศก และกษัตริย์เป็นอย่างดี อย่างซื่อสัตย์ และความดีงามและซื่อสัตย์นี้เองที่ล้นออกจากจิตใจ มาสู่ความตระหนักที่จะต้องทำอะไรมากขึ้น เพื่อพระเจ้า โดยการรับใช้เพื่อมนุษย์คนอื่น เขา/ เธอเหล่านั้นจึงได้รับการบอกกล่าว เชื้อเชิญให้มาเป็นสมาชิกคณะพลมารี ซึ่งตาชื่อของคณะก็หมายถึง “กองทัพของพระแม่มารีย์” (Logio Mariae)
พระแม่มารีย์ คือ พระมารดาของเราพระนางเป็นจอมทัพกองพล พลมารี พระนางเป็นหัวหน้าใหญ่ของเรา และทุกสิ่งทุกอย่างของคณะพลมารีก็เป็นของพระนางว และแน่นอนจิตตารมณ์ของคณะพลมารีของสมาชิกพลมารี ก็คือ จิตตารมณ์ของพระแม่มารีย์นี้เอง
พระศาสนจักรสากลได้ประกาศว่า พระแม่มารีย์เป็นพระมาราดาของพระศาสนจักรด้วย และพระยางเป็น “ลูกศิษย์” (Disciple) คนแรกและคนที่ดีบริบูรณ์ที่สุดขององค์พระเยซูคริสตเจ้า...ชีวิตของพระนางเป็น”แบบอย่าง” ให้แก่เราฆราวาสคาทอลิกทุกคน
- แบบอย่างแห่งการวินิจฉัย และความเคารพเชื่อฟัง
- แบบอย่างแห่งการภาวนา
- แบบอย่างแห่งความเชื่อ ความไว้ใจ และความหวัง
- แบบอย่างแห่งการยอมรับความทุกข์ทรมาน ความยากลำบาก ความเจ็บปวด
- แบบอย่างแห่งความเป็นลูกศิษย์ของพระเยซูคริสตเจ้า
ชีวิตของสมาชิกพลมารี จึงมีแบบอย่าง “ที่เพียบพร้อมทุกด้านจากพระแม่มารีย์พระมารดาของเราเอง” เป็นการบอกชี้นำทางให้เราได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น สมาชิกภาพคณะพลมารีจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของพวกเราฆราวาสคาทอลิก ขึ้นอยู่ที่อิสรเสรีของเราว่า เราจะสนองรับ “การเรียก” จากพระนาง จากพระเยซูคริสตเจ้าอย่างไร?
การเยี่ยมสัตบุรุษ งานนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเยี่ยม บ้านคริสตชนใจเย็นเฉย พระสงฆ์ทั้งไม่รู้และไม่มีเวลาพอที่จะทำงานนี้ได้ ผู้ที่มีบทบาทแทนและเสริมงานนี้ได้ดีที่สุด ได้แก่ พลมารีนั่นเอง คนบาปจำนวนมากเข้ามาสู่ศีลแก้บาป โดยการนำของพลมารี เรื่องนี้บางทีพระสงฆ์เองก็ไม่ทราบเบื้องหน้าเบื้องหลัง
ตามปกติ การแต่งงานของคริสตชน จะต้องกระทำตามกฎหมายพระศาสนจักร งานนี้คงไม่เกิดขึ้น ถ้าพลมารีมิได้เป็นผู้ติดต่อและนำพาพวกเขามาหาพระสงฆ์... คนเจ็บ คนไข้ คนชราคงไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์หลายคน หากพลมารีมิได้แสวงหาและดำเนินการ.. คนใกล้ตายหลายคนคงไม่ได้พบพระสงฆ์และรับศีลเจิม หากไม่มีพลมารี
เราใช้เวลาอาทิตย์ละชั่วโมงกว่า ๆ ประชุมกับพลมารี เราจะได้รับทราบเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับงานในหน้าที่พระสงฆ์ และความต้องการของสัตบุรุษมากมาย นับเป็นการประหยัดเวลาหรือใช้เวลาน้อยทำงานได้มาก พลมารีจึงเป็นเครื่องทุ่นแรงในพันธกิจการอภิบาลของพระสงฆ์